
มาโน ยันไม่สนใจสถิติยอดเยี่ยมของ ฮังซอ ที่ไม่เคยคุม เวียดนาม แพ้ ช้างศึก ระบุทุกอย่างมีครั้งแรกเสมอ ก่อนพบกัน ในรอบรองฯ ซูซูกิ คัพ
มาโน โพลกิ้ง กุนซือทีมชาติไทย ยืนยันพร้อมแล้ว ในการพบกับ เวียดนาม แชมป์เก่า ศึกเอเอฟเอฟ ซูซูกิ คัพ 2020 รอบรองชนะเลิศ
ช้างศึก เป็นทีมเดียวที่เก็บ 12 แต้มเต็มจาก 4 นัดในรอบแบ่งกลุ่ม ส่วน เวียดนาม ก็เป็นทีมเดียวที่ยังไม่เสียประตู ก่อนโคจรมาพบกัน ในรอบรองชนะเลิศ ที่จะแข่งขันกันแบบ 2 นัด โดยไม่มีกฎอเวย์โกล เนื่องจากลงเล่นที่สนามกลาง
มาโน กล่าวในงานแถลงข่าวความพร้อมก่อนเกมว่า “มันเป็นเกมที่ยิ่งใหญ่ของภูมิภาคอาเซียน เพราะเวียดนามเป็นแชมป์เก่า ส่วนไทยเป็นแชมป์มากสุดและแชมป์ 2 ครั้งก่อนหน้านี้” “เป็นเกมพิเศษที่ทุกคนอยากชมและเราเองก็ตื่นเต้น เราจะพยายามหาผู้เล่น แผนการเล่นที่ดีที่สุด ทำงานให้หนักในการซ้อม ซึ่งไทยมั่นใจ และพร้อมสำหรับเกมนี้แล้ว”
“สำหรับตัวผมเองแล้วไม่มีผู้เล่นชุดเอหรือชุดบี เพราะผมเชื่อมั่นในคุณภาพของทีมทั้งหมด ในเกมนัดที่ผ่านมาเราส่งผู้เล่นที่คิดว่าจะชนะลงสนามไป มันทำให้ตัวผมเองเจองานยากในการเลือกตัวผู้เล่นด้วย แต่นั้นหมายถึงว่าไทยจะมีผู้เล่นหลากหลายให้ใช้เช่นกัน”
กุนซือวัย 45 ปี ยังกล่าวถึงประสบการณ์ทำงานช่วงสั้นๆ ที่ เวียดนาม กับ โฮจิมินห์ ซิตี้ ในฤดูกาลล่าสุด ก่อนมาคุม ทีมชาติไทย ว่า “การที่ผมได้โอกาสไปทำงานที่เวียดนาม จริงๆ ไปทำเพียงระยะเวลาสั้นๆ อาจจะไม่ได้ช่วยเท่าไหร่ แต่ทำให้เห็นว่าพวกเขามีดีแค่ไหนและรู้จักผู้เล่นบางคน”
“เวียดนามเป็นทีมที่แข็งแกร่ง พวกเขาซ้อมกันมา 5 เดือน มีความเข้าใจกันอย่างมาก แต่ถึงไทยจะรวมตัวกันน้อย ผมพอใจกับสิ่งที่ทำร่วมกันมา มีผลงานที่ดีขึ้นเรื่อยๆ ดังนั้นจะเป็นเกมที่ดีของไทยกับเวียดนามแน่นอน”
“แน่นอนว่าเรายังคงสไตล์การบุกเหมือนเดิม ไม่มีเหตุผลที่จะต้องเปลี่ยนแนวทางการเล่นอะไร ส่วนเวียดนามเป็นทีมที่เปลี่ยนจังหวะรับเป็นรุกได้ดีก็ต้องระวังตรงจุดนี้ ซึ่งเรามีผู้เล่นที่สามารถรับมือได้”
“ทั้งสองทีมถือว่ามีความกดดันหมด เวียดนามก็อยากได้แชมป์อีกครั้ง ส่วนไทยเองก็ต้องการเป็นแชมป์และเป็นเจ้าของสถิติแชมป์สูงสุด ซึ่งเรามีทีมที่ดีและทำผลงานได้อย่างมั่นใจ จะเป็นรอบรองชนะเลิศที่ดีแน่นอน”
นอกจากนี้ มาโน ยังกล่าวถึงสถิติของ ปาร์ค ฮัง ซอ ที่ไม่เคยคุม เวียดนาม แพ้ ไทย ทั้งชุด U23 และ ชุดใหญ่ รวม 6 นัด ชนะ 3 และ เสมอ 3 นัด ว่า
“ผมคิดว่าในชีวิตทุกอย่างย่อมมีครั้งแรกเสมอ และทุกคนพร้อมจะสู้เพื่อเก็บชัยชนะครั้งแรกให้ได้” เวียดนามมีผู้เล่นที่ดีทั้งชุด มีเกมรับแน่นยังไม่เสียประตูแต่ไทยเองก็ยิงได้ทุกนัดเช่นกัน เราเชื่อมั่นในทีมตัวเอง มีสมาธิกับเกม เล่นอย่างอดทนและทำประตูให้ได้ หวังว่าจะเป็น 2 นัด 180 นาที ที่ไทยจะทำผลงานออกมาได้ดี” ด้าน ศิวรักษ์ เทศสูงเนิน ผู้รักษาประตูทีมชาติไทย กล่าวว่า “มาถึงตอนนี้ทีมที่เข้ารอบมาทุกทีมมีคุณภาพหมด จะเจอกับเวียดนามในรอบนี้หรือรอบชิงชนะเลิศก็ไม่ต่างกัน พวกเรามุ่งมั่นที่จะไปถึงแชมป์ให้ได้ จะเอาชัยชนะไปฝากคนไทยไม่ว่าเจอกับทีมใดก็ตาม”
“ส่วนสถิติการพบกันระหว่างไทยกับเวียดนามก่อนหน้านี้ แต่ละเกมไม่เหมือนกัน เชื่อว่าเกมนี้จะสนุกและเราจะทำให้เต็มที่”
สำหรับ ทีมชาติไทย เตรียมพบกับ เวียดนาม ในศึกเอเอฟเอฟ ซูซูกิ คัพ 2020 รอบรองชนะเลิศ นัดแรก วันที่ 23 ธันวาคมนี้ ณ สนามกีฬาแห่งชาติสิงคโปร์ เวลา 19.30 น. ถ่ายทอดสดทาง CH7 HD และ AIS Play ต่อด้วยนัดที่ 2 วันที่ 26 ธันวาคม 2564
Post Views:
0